
ส.บอลตั้งโต๊ะแถลงหลังได้รับหนังสือฟีฟ่าอ้างรายงานผู้ตัดสินชาวจีนว่า กรวิทย์ ไปเตะผู้เล่นอิรักอย่างรุนแรงเพื่อให้พิจารณาแบนเพิ่มมากกว่า 1 นัด
สมัคร Royal1688 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมด้วย กรวิทย์ นามวิเศษ กองหลังทีมชาติไทย เปิดแถลงข่าวกรณีที่ใบแดงที่ได้รับในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้ายนัดบุกแพ้ อิรัก 4-0 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯยืนยันว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์ใบแดงดังกล่าวเนื่องจากมองว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินได้ อย่างไรก็ตามล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อมด้วย พาทิศ ศุภะพงษ์ เปิดเผยว่าได้รับเอกสารจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ให้ชี้แจงเนื่องจาก หม่า หนิง ผู้ตัดสินชาวจีน ได้เขียนรายงานเข้าไปว่า กรวิทย์ กระทำผิดอย่างร้ายแรงซึ่งอาจจะทำให้ถูกแบนเพิ่มมากกว่า 1 นัด
“สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีความประสงค์ที่จะชี้แจงต่อแฟนบอลชาวไทย รวมถึงสื่อมวลชน ถึงกรณีเหตุการณ์ล่าสุดในเกมที่ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอิรัก เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลกล่าว
“โดยการแข่งขันวันนั้นกรรมการผู้ตัดสินได้มีการตัดสินให้ใบแดงกับ กรวิทย์ นามวิเศษ ซึ่งการตัดสินในวันนั้นในสายตาแฟนบอลชาวไทยหรือแม้ตัวผมเอง ในเบื้องต้นผมยังไม่แน่ใจว่าการตัดสินของผู้ตัดสินผิดพลาดหรือเปล่า”
“เนื่องจากปัจจุบันกติกาในการแข่งขันฟุตบอลที่ฟีฟ่าออกมานั้นมีความละเอียดอ่อน ผู้เล่นไทยของเราอาจเคยชินว่าการกระทบกระทั่งเล็กน้อย แต่ในกติการใหม่ของฟีฟ่าที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ทั่วโลก ได้ใช้กติกาใหม่”
“แต่ล่าสุดผมเองในฐานะนายกสมาคม รวมถึงผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และผู้ตัดสินได้นำคลิปวีดีโอมาดูทบทวนหลายครั้ง ก็เห็นว่าการกระทบกระทั่งระหว่าง กรวิทย์ และ ผู้เล่นอิรัก เป็นเรื่องปกติ ระหว่างฝ่ายรุกและรับ ในการป้องกันในพื้นที่กรอบเขตโทษ ซึ่งเราเห็นเป็นประจำในฟุตบอลอยู่แล้ว และจากการดูคลิปวีดีโอก็ชัดเจนว่าเราไม่ได้มีการกระทบกันถึงขั้นที่เป็นการกระทำผิดร้ายแรงจนถูกใบแดง”
“ผมเองมีความเป็นกลาง ดูด้วยใจที่เป็นกลางหลายครั้ง ถึงอย่างไรทางสมาคมจะร้องหรืออุทธรณ์คำตัดสินใดๆก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะผลการตัดสินมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะกรรมการตัดสินไปแล้ว”
“แต่สิ่งที่ตามมามันส่งผลกระทบต่อตัวนักกีฬารวมถึงทีมชาติไทยเบื้องต้น กรวิทย์ โดนใบแดงหมายความว่าจะหมดสิทธิ์ช่วยทีมพบออสเตรเลีย ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบ”
“นอกจากนี้ผู้ตัดสินได้ทำรายงานถึงฟีฟ่า และทางฟีฟ่าได้ทำหนังสือมาถึงสมาคมฯว่าจะลงโทษกรวิทย์ห้ามแข่ง 1 นัดก็คือแมตช์กับออสเตรเลีย เท่านั้นยังไม่พอ ฟีฟ่า พิจารณาจากการรายงานของผู้ตัดสินมองว่าการกระทำของกรวิทย์เป็นการกระทำที่รุนแรงและจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพิ่พิจารณาลงโทษกรวิทย์เพิ่มเติม ซึ่งอาจจะเป็นการแบนเพิ่มหรือปรับเงิน แต่ฟีฟ่าก็เปิดโอกาสให้สมาคมฯได้ชี้แจง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทางสมาคมฯและกรวิทย์จะต้องชี้แจงถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าวว่ามีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ในการให้ใบแดง รวมทั้งมีเหตุผลพอหรือไม่ที่ผู้ตัดสินรายงานว่าเป็นความรุนแรงถึงขั้นต้องเพิ่มโทษ”
“ผมเชื่อว่าสื่อมวลชนรวมถึงแฟนบอลได้เห็นคลิปวีดีโอจังหวะดังกล่าวแล้ว อย่างที่ผมเรียนว่าเป็นการกระทบกระทั่งกันปกติระหว่างกองหน้ากองหลัง และไม่ได้มีความรุนแรงใดๆที่จะเรียกว่า Violent Conduct แต่จากหนังสือฟีฟ่าที่ชี้แจงมานั้น ด้วยความเป็นธรรมกับตัวนักกีฬาเองและด้วยความเป็นธรรมกับทีมชาติไทย ผู้ตัดสินรายงานว่า กรวิทย์ “เตะ” ผู้เล่นอิรัก ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนได้เห็นคลิปแล้วมันไม่ได้มีเหตุการณ์ใดที่ กรวิทย์ ใช้เท้า เพราะฉะนั้นมันเป็นหน้าที่ของสมาคมฯที่จะรวบรวมหลักฐานเพือชี้แจงจากฟีฟ่า เพื่อโต้แย้งคำวินิจฉัยของกรรมการ”
“เพื่อความสบายใจของทุกส่วน ผมก็ได้คุยกับ กรวิทย์ แล้วว่าได้ไปทำอะไรคู่แข่งหรือไม่เพราะในภาพเหมือนนักเตะอิรัก เอามือกุมปาก บาดเจ็บที่ปาก กรวิทย์ ก็บอกว่าผมไม่ได้ทำอะไร ที่จะทำให้นักเตะอิรักต้องบาดเจ็บที่ปาก ไม่เป็นไรบางครั้งเหตุการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆกรรมการอาจจะมีข้อมูลหรือได้รับรายงานจากไลน์แมนผิดพลาด เรารับได้เมื่อมันเป็นความโชคร้ายของทีมชาติไทยที่ต้องมาเจอกรรมการเลวๆ”
“แต่สิ่งที่ตามมาจะเลวร้ายยิ่งกว่าถ้าเขาวินิจฉัยว่ากรวิทย์ใช้เท้าเตะเพราะในคลิปไม่มีภาพนั้น ตัวผมเองก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เราคงจะต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้นักกีฬาและทีมชาติไทย ถ้าเรายังต้องเจอกรรมการเลวๆอย่างนี้ต่อไป อนาคตของทีมชาติไทยจะเป็นอย่างไรผมไม่อาจคาดเดาได้ แต่มันเป็นความเจ็บปวดของผมในฐานะเป็นคนไทย และนายกสมาคมฯ”
พาทิศ ศุภะพงศ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า หนังสือที่ทางฟีฟ่าได้ส่งให้ทางสมาคมฯเมื่อช่วงเช้าเกี่ยวกับคำตัดสินของนาย หม่า หนิง ผู้ตัดสินชาวจีน โดยระบุว่า กรวิทย์ จะถูกแบนในเบื้องต้น 1 นัดแน่นอนไม่สามารถลงเล่นในรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก กับ ออสเตรเลีย วันที่ 15 พ.ย.นี้ได้ โดยความผิดอยู่ในหมวดข้อ I คือ Violent Conduct การกระทำอย่างรุนแรง โดยที่มีการอ้างรายงานผู้ตัดสินว่า กรวิทย์ นามวิเศษ ได้มีการเตะคู่ต่อสู้อย่างรุนแรงและโหดร้าย ดังนั้นฟีฟ่าส่งเคสนี้ให้คณะพิจารณาวินัยมารยาทของฟีฟ่าพิจารณาเพิ่มโทษแบน หรืออาจจะมีการปรับเงิน โดยทางฟีฟ่าเปิดให้สมาคมฯชี้แจงทั้งปากคำของนักเตะคลิปวีดีโอคำชี้แจงของสมาคมภายใน 5 วันเพื่อโต้แย้ง มิฉะนั้นหากไม่มีการชี้แจงก็อาจจะมีการยืนคำตัดสินของผู้ตัดสิน ดังนั้นเป็นสิ่งที่สมาคมฟุตบอลยอมไม่ได้ที่ผู้ตัดสินใช้คำว่า “เตะ” ซึ่งเราไม่พบเหตุการณ์ใดๆที่ปรากฏในรายงานนี้ โดยเราจะรวบรวมหลักฐานและประท้วงเพื่อไม่ให้เกิดการลงโทษเพิ่มเติม”
ด้าน กรวิทย์ นามวิเศษ กล่าวว่า “จังหวะนั้นเป็นการแย่งพื้นที่การเข้าทำ หลังจากผลักกันไปมา กรรมการก็เรียก และถามผมว่าได้เตะเขามั้ย ผมก็ยืนยันว่าไม่ได้เตะ แต่จู่ๆเขาก็แจกแดงผม ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แล้วผู้อิรักได้แค่เหลือง ซึ่งจริงๆกรณีนี้ถ้าเหลืองก็เหลืองทั้งคู่ แดงก็ต้องแดงทั้งคู่ แต่เขาแจกผมฝ่ายเดียวไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน”
“ไม่มีออกไม้ออกมือแน่นอน นอกเหนือจากผลักแล้วไม่มีส่วนใดที่ถือว่าทำร้ายคู่ต่อสู้เลย ส่วนกรรมการไม่ได้ถามผู้อิรักเลยครับ ซึ่งครั้งนี้มันก็ส่งผลต่อจิตใจผมบ้าง และเรียกว่าเป็นการกระทำของกรรมการที่ไม่ถูกเท่าไหร่